ปั๊มลม PUMA ขนาด 165 ลิตร 5HP รุ่น PP35A-HI380V-MG

– มีความจุ 165 ลิตร
– ขนาดแรงม้า 5 HP
– มีจำนวนลูกสูบ 3 สูบ
– อัตราการทำลม 890 L/min
– แรงดันลมขณะทำงาน 6-8 บาร์ (115 PSI)
– แรงดันลมสูงสุด 10 บาร์ (145 PSI)
– ความเร็วรอบหัวปั๊มลม 850 RPM
– มอเตอร์ HITACHI 5HP 380V
– ความเร็วรอบมอเตอร์ 1450 RPM
– ผลิตจากโรงงานที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001
– เหมาะกับงานซ่อมทั่วไป หรืองานอุตสาหกรรมขนาดกลาง
– ใหญ่ เช่น เติมลมยางรถทั่วไป อู่ซ่อมรถยนต์ ร้านปะยาง งานคาร์แคร์ ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องการใช้งาน

ลักษณะเด่นของ

ปั๊มลม PUMA

5HP รุ่น PP35A-HI380V-MG

– คุณภาพสูงจากประเทศไต้หวัน
– มีการออกแบบ เพื่อให้ดูแลรักษาได้ง่าย
– หัวสูบใช้วัสดุเหล็กหล่อ แข็งแรง ทนทาน
– ระบบลูกสูบออกแบบใหม่ให้สามารถผลิตลมได้เร็วขึ้น
– มีระบบระบายอากาศหัวลูกสูบด้วยครีบระบายความร้อน ทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสมและสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน

วิธีการเลือก ปั๊มลม ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

– ปั๊มลม มี 6 ประเภท   1. ปั๊มลมประเภทลูกสูบเป็น ปั๊มลม ที่ได้รับความนิยมใช้งานมากที่สุด ด้วยการใช้งานตอบโจทย์หลายๆ ด้าน ปั๊มลมแบบลูกสูบทำได้ตั้งแต่ความดันต่ำ ความดันปานกลาง ไปถึงความดันสูง แรงอัดจะขึ้นอยู่กับจำนวนขั้นของการอัด ยิ่งมีขั้นการอัดมาก จะยิ่งสร้างแรงอัดได้สูงขึ้นตามไปด้วย ปั๊มลมประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบตามอู่ซ่อมรถ ร้านยางรถยนต์ต่างๆ
   2. ปั๊มลมแบบไดอะเฟรมมีหลักการของปั๊มลมแบบลูกสูบโดยจะใช้ไดอะเฟรมเป็นตัวดูดอากาศ ลมที่ถูกดูดในปั๊มลมชนิดนี้จะปราศจากน้ำมันหล่อลื่น จึงเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้ในอุตสากรรมด้านอาหาร อุตสาหกรรมด้านยา และอุตสาหกรรมด้านเคมี     3. ปั๊มลมแบบสกรูปั๊มลมประเภทนี้จะมีการผลิตลมที่มีคุณภาพสูง โดนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลังในการหมุนเพลาสกรู 2 ตัวให้หมุนเข้าหากัน เหมาะสำหรับใช้กับโรงงาน เพราะมีกำลังในการผลิตลมได้มาก ให้แรงลมต่อเนื่อง   4. ปั๊มลมแบบใบพัดเลื่อนปั๊มลมแบบใบพัดเลื่อนทำการหมุนใบพัดให้สม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา ทำให้อากาศที่ออกมามีแรงดันที่คงที่ ตัวปั๊มลมประเภทนี้จะไม่มีลิ้นหรือวาล์วในการเปิดปิดในพื้นที่จำกัด ทำให้ไวต่อความร้อน   5. ปั๊มลมแบบใบพัดหมุน

ปั๊มลมแบบใบพัดหมุนจะมีใบพัดหมุนอยู่ 2 ตัว เมื่อโรเตอร์ 2 ตัวทำการหมุน จะทำให้เกิดลมที่ถูกดูดเข้าไปจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง โดยที่อากาศที่ถูกดูดเข้าไปนั้นจะไม่เปลี่ยนปริมาตร จะทำให้อากาศไม่ถูกบีบอัดตัว แต่อากาศจะถูกบีบอัดตัวตอนที่เข้าไปเก็บในถังลม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการระบายความร้อนด้วย   6. ปั๊มลมแบบกังหันปั๊มลมแบบกังหันสามารถจ่ายอัตราลมได้มาก ด้วยเป็นใบพัดกังหันจะดูดลมเข้าไปจากอีกด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง จะมีการหมุนด้วยความเร็วสูง มีอัตราการจ่ายลม สามารถกระจ่ายแรงลมได้ตั้งแต่ 170 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที

วิธีการเลือกขนาดปั๊มลม

– ต้องทราบถึงปริมาณลม ก่อนจะทำการเลือกซื้อ ต้องรู้ด้วยว่าต้องการใช้ลมในปริมาณเท่าไหน เพื่อง่ายในการเลือกซื้อถังบรรจุลม
– ปั๊มลมต้องมีคุณภาพ ตัวเครื่องต้องมีความหนา มีความทนทานถาวร สามารถทนต่ออุณหภูมิและการใช้งานหนักได้ดี
– ต้องดูแรงดันลมสูง ต่ำ สามารถพิจารณาได้จากการใช้งาน ถ้าต้องพึ่งแรงดันลมบ่อยๆ ก็ควรเลือกเครื่องปั๊มลมที่มีแรงดังสูง จะได้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ

วิธีการดูแลรักษา ปั๊มลม

– หมั่นทำความสะอาดไส้กรอง
– เช็คขันน๊อต อยู่เสมอ ว่ายังขันแน่นไหม
– พื้นที่ติดตั้ง ควรติดตั้งในพื้นที่ อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรติดตั้งใกล้กำแพง
– ระบายน้ำออกจากถังทุกสัปดาห์ เพื่อยืดอายุการใช้งานของถังลม
– เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 500 ชั่วโมง หรือน้ำมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ แต่ไม่ควรเติมจนเต็มหรือเยอะเกินไป
– ไม่ติดตั้ง ให้สายพานตึงเกินไป หากสายพานตึงเกินไปจะทำให้ปั๊มลมทำงานหนักและสายพานอาจจะขาดได้ (เฉพาะปั๊มลมลูกสูบสายพาน)

nan